‘สุพรรณบุรี’ ชู “ธรรมนูญสุขภาพ” สู้โควิด-19

‘สุพรรณบุรี’ ชู “ธรรมนูญสุขภาพ” สู้โควิด-19

“เราก็ไปดูว่าที่ประกาศใช้กันแล้ว มีมาตรการไหนที่จะหยิบมาสักหนึ่งประเด็น มาส่งเสริมสุขภาวะชุมชนเข้มแข็ง แต่ละแห่งก็มีจุดเน้นต่างกัน เช่น ส่งเสริมความเข้มแข็งของผู้สูงอายุ ส่งเสริมกิจกรรมทางกายด้วยศิลปะท้องถิ่น การจัดการขยะครบวงจร การปลูกผักปลอดสารพิษ เป็นต้น และที่กำลังขยับกันอยู่คือ แผนเฝ้าระวังรับมือกับโควิด-19 สร้างพื้นที่นำร่อง 10 ตำบล เพื่อให้มาทบทวนธรรมนูญสุขภาพตำบลแล้วเพิ่มเติมเรื่องการรับมือโควิด-19 รวมถึงนำมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติปี 2552 เรื่องโรคอุบัติใหม่มาประกอบใช้ เพราะเหมาะกับสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างยิ่ง มีกระทั่งการควบคุมการเลี้ยงสัตว์ การบริโภคสัตว์ป่า”

   ด้าน อาจารย์รัตนา สมบูรณ์วิทย์ อดีตกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เครือข่ายสมัชชาสุขภาพจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวว่า สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีเคยพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แต่เป็นคนที่เดินทางมาจากที่อื่น และการระบาดในพื้นที่ไม่มีปรากฏจนถึงตอนนี้ อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังคงมีความตื่นตัวในการป้องกันตนเองอย่างดียิ่ง ที่สำคัญจังหวัดสุพรรณนั้นมีถึง 20 ตำบล ที่มีการทำธรรมนูญสุขภาพตำบลหรือข้อตกลงร่วมของชุมชนก่อนมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
 
   

บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง

 
   ด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจนั้น อาจารย์รัตนา ตั้งข้อสังเกตว่า ประชาชนในพื้นที่มีการปรับตัวไปใช้ช่องทางออนไลน์มากขึ้น ธุรกิจโลจิสติกส์เพิ่มขึ้น แทบทุกบ้านทำอาหารกินเอง กลุ่มเกษตรกรที่ไม่สามารถส่งผลผลิตออกขายได้ก็นำมาขายริมถนน ตลาดนัดเร่มีมากขึ้น ประชาชนออกมาจับจ่ายซื้อหาได้ในราคาไม่แพง อุดหนุนกันเอง ทำให้เกษตรกรอยู่รอดได้และผู้บริโภคก็ได้ของดี นอกจากนี้ ยังมีการออกแคมเปญ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” ประกอบกับการที่เครือข่ายในพื้นที่ทำงานสนับสนุนให้ทุกครัวเรือนปลูกผักไร้สารเคมีมา 2 - 3 ปีแล้ว
 
   “การใช้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียงจะมีมากขึ้นและเป็นรูปธรรมมากขึ้นหลังจากนี้ อันที่จริงเราส่งเสริมเรื่องนี้กันอยู่แล้ว มีเครือข่ายเกษตรอินทรีย์เยอะเลยในพื้นที่ และมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติปีที่แล้ว พวกเราก็เห็นพ้องร่วมกันว่าอยากจะพัฒนามาตรฐานและสัญลักษณ์อาหารปลอดภัยของจังหวัดสุพรรณ” อาจารย์รัตนากล่าว
 
   

‘สุพรรณบุรีเซฟตี้ฟู้ด’ ฟื้นฟูเศรษฐกิจยุคโควิด-19

 
   อดีตกรรมการสุขภาพแห่งชาติเล่าต่อว่า เริ่มมาจากการที่คนพื้นที่ทำเกษตรอินทรีย์กันมานับ 20 ปี มีศูนย์การเรียนรู้หลายแห่ง จึงยกระดับเกษตรปลอดภัยเป็นเกษตรอินทรีย์แบบชุมชนมีส่วนร่วม โดยใช้ระบบ Participatory Guarantee Systems (PGS) หรือการรับรองกันเอง โดยชุมชนจะบันทึกข้อมูลต่างๆ อย่างละเอียดมาก ตัวอย่างเช่น ชุมชนบ้านดอนศาลเจ้า อำเภอสองพี่น้อง ที่สามารถทำเกษตรอินทรีย์จนได้ใบรับรองจำนวนมากและไม่ต้องออกแรงหาตลาดเอง มีบริษัทมารับซื้อถึงในพื้นที่ และยังมีกลุ่ม Young Smart Farmer ทำศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (Agritech and Innovation Center : AIC) “เราหนุนให้เขาไปพัฒนามาตรฐานว่า อาหารปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคหน้าตาเป็นยังไง แล้วก็ได้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิมาสนับสนุน มีแอพลิเคชั่นฟอร์มไปเก็บข้อมูล พอได้แนวทางมาตรฐานที่แน่ชัด ก็ควรต้องมีแบรนด์ ‘สุพรรณบุรีเซฟตี้ฟู้ด’ แบบที่ผู้บริโภคเห็นปุ๊บจะเชื่อมั่นได้ทันที เรื่องนี้เขากำลังทำกันอยู่”
 
   ปัจจุบันกลุ่มเกษตรอินทรีย์มีการออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์อินทรีย์แทบทุกวัน โดยทุกวันจันทร์และพฤหัสบดีจะมีตลาดหน้าโรงพยาบาลศรีประจันต์ วันพุธมีตลาดที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด วันศุกร์มีตลาดที่ศูนย์ราชการสุพรรณบุรี วันอาทิตย์มีตลาดที่สหกรณ์การเกษตรศรีประจันต์ “ตอนนี้กำลังขยายไปเรื่อยๆ พวกเขาสามารถดูแลตัวเองได้ แล้วยังได้เจอกลุ่มคนใหม่ๆ คือ พวกคนตกงาน ถูกเลิกจ้างกลับมาอยู่บ้านพ่อแม่ที่สุพรรณบุรี เราก็ไปชวนกันมาทำร่วมกัน โดยมีตัวอย่างของกลุ่ม Young Smart Farmer ที่อยู่รอดได้ แล้วก็มีความสุขด้วย” อาจารย์รัตนากล่าวทิ้งท้าย