รวมพลัง “บวร” ปกป้องโรงเรียนเล็ก

รวมพลัง “บวร” ปกป้องโรงเรียนเล็ก

รวมพลัง “บวร” ปกป้องโรงเรียนเล็ก

ชุมชนรอบโรงเรียนวัดประสิทธาราม ตำบลบางชนะ อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมพลัง “บวร” ปกป้องโรงเรียนขนาดเล็กของชุมชน ให้เปิดการเรียนการสอนได้อีกครั้งหลังเคยถูกยุบ โดยเตรียมพร้อม ทั้งการเรียนการสอนและมาตรการเรียนอย่างปลอดภัยจากโควิด-19 เพราะการเรียนรู้ของเด็กหยุดไม่ได้

   สวัสดีครับ ชาวชุมชนคนเข้มแข็ง วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของเด็กๆ แล้วนะครับ ฉบับนี้ “สุชน” ขอพาล่องใต้ ไปที่ โรงเรียนวัดประสิทธาราม ตำบลบางชนะ อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไปดูการเตรียมความพร้อมของโรงเรียนกันครับ
 
   โรงเรียนวัดประสิทธาราม เป็นโรงเรียนขนาดเล็กมาก จนเคยถูกปิดไปเมื่อปี 2560 แต่ด้วยความเมตตาต่อเด็ก ๆ ของ พระอธิการภูวนารถ จารุธัมโม เจ้าอาวาสวัดบางขยาราม ท่านจึงชวนแกนนำชุมชน ศิษย์เก่า และภาคประชาสังคมที่เข้มแข็ง เช่น ครูอู๊ด นิวัตร์ โฮ้เต้กิ้ม ที่ปรึกษากลุ่มยุวชนสร้างสรรค์สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นผู้ที่เห็นความสำคัญของการศึกษาของเด็ก ๆ รวมพลังกันลุกขึ้นมาช่วยกันปกป้องโรงเรียนเล็ก ๆของชุมชนให้คงอยู่ โดยได้ร่วมกันจัดการเรียนการสอนให้เด็ก ซึ่งส่วนใหญ่มีฐานะยากจนและอาศัยอยู่กับ ผู้สูงวัย การปิดหรือยุบโรงเรียนและให้เด็ก ๆ เดินทางไปเรียนที่โรงเรียนอื่น ซึ่งอยู่ไกลจากบ้าน 7 กิโลเมตร รวมระยะทางไปกลับถึง 14 กิโลเมตร จึงเป็นเรื่องยากลำบากและไม่สามารถทำได้เลย
 
   หลังจากแกนนำชุมชนที่เกิดจากความร่วมมือของ “บวร” ได้ยื่นหนังสือไปถึงกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขอให้โรงเรียนเล็กๆ ของเขาเปิดการเรียนการสอนได้อีกครั้ง ในที่สุด เขตการศึกษาก็ได้มีคำสั่งให้โรงเรียนวัดประสิทธาราม รวมเข้ามาเป็นห้องเรียนหนึ่งของโรงเรียนบ้านคลองสุข ตำบลบางชนะ มีนักเรียนในปีการศึกษา 2563 ตั้งแต่ชั้น ป.1 ถึง ป.6 จำนวน 42 คน และใช้ชื่อโรงเรียนอย่างเป็นทางการว่า “โรงเรียนวัดประสิทธาราม ห้องเรียนโรงเรียนบ้านคลองสุข”
 
   ถึงวันใกล้เปิดเทอม หลังจากรัฐบาลมีนโยบายคลายล็อคจากมาตรการโควิด-19 ซึ่งสถานศึกษาหรือแหล่งเรียนรู้กำลังจะกลับมาเปิดกิจกรรมตามปกติแล้ว ดังนั้น เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2563 ครูอู๊ด จึงได้เชิญผู้ปกครอง นักเรียน ครูอาสา มาประชุมพร้อมกัน โดยนอกจากจะร่วมกันหารือมาตรการป้องกันโควิด-19 ของโรงเรียน และซักซ้อมก่อนเปิดเรียนจริงแล้ว ทางโรงเรียนยังได้ใช้โอกาสนี้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาบูรณาการที่เน้นภาคปฏิบัติกลางแจ้งผ่าน "วิชาป่าจาก" ให้กับเด็ก ๆ ด้วยครับ
 
   ขอบอกว่า ผมโชคดีมากที่ได้ไปร่วมกิจกรรมในวันนั้นด้วย เพราะนอกจากจะได้เรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ ไปกับเด็ก ๆ แล้ว ผมยังได้มีโอกาสได้คุยกับครูอู๊ดและครูจิตอาสา ถึงความพยายามของท่านเจ้าอาวาสและชุมชนที่นี่ที่เห็นความสำคัญของการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็ก ๆ โดยครูอาสามีจิตใจเสียสละทุ่มเทและดีใจ ที่ได้เห็นว่าเด็ก ๆ สนุกกันมาก เพราะหลังจากหยุดเรียนไปนานก็เพิ่งได้มาทำกิจกรรมร่วมกันกับเพื่อน ๆ และคุณครูเป็นวันแรก
 
   “วิชาป่าจาก” นั้น ได้พาเด็ก ๆ ให้มีกิจกรรมเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริงมากมายเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นการทำผ้ามัดย้อมและการทำขนมจาก ที่น่าตื่นเต้นกว่านั้น เด็ก ๆ ยังได้ฝึกจินตนาการลายผ้าผ่านการมัด การทำงานเป็นทีมผ่านการช่วยกันหาลูกจาก สับลูกจาก และก่อไฟต้มน้ำ และได้ฝึกการนำเสนอวิธีการทำอย่างเป็นขั้นตอนอีกด้วย และยังได้สอดแทรกวิชาการคำนวณ เรื่องรายรับ "กองทุนจากใจ" ที่มีรายได้จากการนำผลิตภัณฑ์ผ้ามัดย้อมที่เด็ก ๆ ผลิตไปจำหน่าย และนำกำไรมาปันกัน ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ให้แก่นักเรียน อีกด้วยครับ
 
   ครูอู๊ดย้ำกับผมว่า ในช่วงสถานการณ์ของโรคโควิด-19 นั้น “โรงเรียนอาจหยุดได้ แต่การเรียนรู้หยุดไม่ได้” ในช่วงเปิดเทอมนี้ โรงเรียนจึงได้เตรียมพร้อมมาตรการต่าง ๆ อย่างเข้มงวด เพื่อรองรับและปกป้อง เด็ก ๆ ที่จะเริ่มมาโรงเรียนในภาคการศึกษานี้ ให้ได้เรียนรู้ทั้งผ่านหลักสูตรปกติและผ่านภาคปฏิบัติได้อย่างปลอดภัย และพ่อแม่ผู้ปกครองไม่ต้องกังวลกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 น่าชื่นชมมากครับ แม้ที่นี่จะเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก แต่จิตใจคนที่นี่งดงามและยิ่งใหญ่มาก ๆ ครับ
 
   แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้านะครับ สวัสดีครับ